ประวัติความเป็นมา
อีก้อเป็นชาวเขาเผ่าหนึ่งที่อาศัยอยู่ในประเทศไทยเรียกตนเองว่า
อาข่า คนไทยและคนเมียนมาร์
เรียกว่า อีก้อ หรือ ข่าก้อ
ลาวและชนชาติอินโดจีนตอนเหนือ เรียกอีก้อว่า โก๊ะ
คนจีนเรี่ยกว่า โวนี หรือฮานี
ซึ่งหมายรวมถึงชนเผ่าที่พูดภาษโลโลในมณฑลยูนนานทางตอนใต้ด้วย
นักมานุษยวิทยาและนักภาษาศาสตร์บางท่านได้จัดอีก้ออยู่ในตระกูลภาษาจีน
ธิเขต กลุ่มภาษาย่อย
ธิเบต พม่าธิเบต
พม่า
ในจีนตอนใต้พบว่าอีก้ออาศัยอยู่กระจัดกระจายทั่วไปปะปนกับชาวจีน หมู่บ้านอีกก้อ
บางแห่งเป็นสังคมผสมระหว่างอีก้อกับจีน
ทั้งนี้เกิดจากผู้ชายจีนไปแต่งงานกับหญิงสาวอีก้อ
ประวัติความเป็นมาของอีก้อยังไม่สู้กระจ่างนัก
อย่างไรก็ตาม จากผลการค้นคว้าศึกษาของนักมานุษย
วิทยาหลายท่านได้ให้ข้อเท็จจริงว่า
อีก้อมีถิ่นฐานเดิมอยู่ตามบริเวณภูเขาสูงทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือและ
ตะวันตกเฉียงใต้ของจีน มีอีก้ออยู่มากในมณฑลยูนนาน
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในแคว้นสิบสองปันนาและไกวเจา
แต่เดิมอีก้อมีอาณาจักรอิสนะของตนเองอยู่บริเวณต้นน้ำไท้ฮั้วสุย
หรือแม่น้ำดอกท้อในแคว้นธิเบต
ต่อมาถูกชนชาติอื่นรุกรานจนถอยร่นลงทางใต้
เข้าสู่มณฑลยูนนานและไกวเจา เป็นเวลานานหลายพันปีมา
แล้ว และเมื่อพรรคคอมิวนิสต์จีนเข้าครองแผ่นดินใหญ่จีน
อีก้อและเผ่าอื่น ๆ อีกหลายเผ่าได้อพยพมาทางตอน
ใต้อีก
แล้วกระจัดกระจายเข้าไปยังแคว้นเชียงตุงทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศเมียนมาร์
ในแคว้น
หัวโขงภาคตะวันตกและแคว้นพงสาลีภาคใต้ของลาว
และในจังหวัดเชียงรายตอนเหนือสุดของประเทศไทย
ในปัจจุบันนี้ตั้งถิ่นฐานอยู่ในประเทศต่าง ๆ ดังนี้
- แคว้นเชียงตุง
ในรัฐฉานทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือและเมืองเล็กบางเมืองตะวันออกเฉียงใต้
ประเทศเมียนมาร์
- มณฑลไกวเจา และยูนนานตอนใต้ของสาธารณประชาชนจีน
-
แคว้นหัวโขงทางตะวันออกเฉียงเหนือ
และแคว้นพงสาลีทางเหนือของประเทศลาว
- จังหวัดเชียงราย
ลำปาง เชียงใหม่ แพร่ กำแพงเพชร ตาก ของประเทศไทย
อีก้อในประเทศไทย
อีก้อในประเทศไทยอพยพมาจากเมียนมาร์และลาว
เพราะถูกจีนรุกรานและบางกลุ่มอพยพเพราะถูกกดดันจากเหตุการณ์ทางการเมือง
จากคำเล่าของผู้สูงอายุชาวอีก้อหลายคนได้ให้ข้อมูลว่า
อีก้ออพยพเข้ามาอยู่ใน
ประเทศไทยประมาณ 60-80 ปี แล้ว
เข้ามาตั้งถิ่นฐานครั้งแรกบริเวณดอยตุง อำเภอแม่สาย
ต่อจากนั้นได้อพยพ
ย้ายถิ่นออกไปตั้งถิ่นฐานในท้องที่ที่เป็นภูเขา
ของจังหวัดต่าง ๆ คือ เชียงราย เชียงใหม่ ตาก
กำแพงเพชร แพร่ ลำปาง และเพชรบูรณ์
มีอีก้อบางกลุ่มที่อพยพเข้ามายังประเทศไทยล่าสุดคือพวกที่อพยพมาจากแคว้นสิบสองปันนาของจีน
เข้ามายังประเทศลาวก่อน
เมื่อลาวเปลี่ยนแปลงการปกครองก็อพยพเข้ามายังประเทศไทย
เพื่อหาที่ทำมาหากินใหม่
โดยอพยพเข้ามาทางเชียงแสนแล้วมาตั้งถิ่นฐานอยู่ที่ดอยผาหมีเขตอำเภอแม่สาย
จังหวัดเชียงราย
และอีกกลุ่มอพยพจากดอยผาหมีออกไปตั้งอยู่ที่หมู่บ้านป่าฮี
และหมู่บ้านน้ำรินห่างจากผาหมีประมาณ 5 กิโลเมตร
อีก้อพวกนี้ได้อพยพเข้ามายังประเทศไทยได้ประมาณ 20
25 ปี และมีอยู่เพียง 3
หมู่บ้านเท่านั้น
ประชากรและการแบ่งกลุ่มย่อย
อีก้อในประเทศไทยมีจำนวน 273 หมู่บ้าน 11,387
หลังคาเรือน ประชากร 65,826 คน คิดเป็นร้อยละ 7.20
ของประชากรชาวเขาทั้งหมดของประเทศไทย
อีก้อแบ่งออกเป็น
3 กลุ่มย่อยคือ
-
อีก้อโจโกวย
หรืออีก้อไทย
-
อีก้อหม่อโป๊ะ หรือลอบือ
หรืออีก้อจีน
-
อีก้อโลมีชา
หรืออีก้อเยอตุง หรืออีก้อเมียนมาร์
ลักษณะทางสังคม
ลักษณะการตั้งหมู่บ้าน
อีก้อชอบตั้งหมู่บ้านตามภูเขาที่มีระดับความสูงโดยเฉลี่ยประมาณ
3,000 4,000
ฟุตจากระดับน้ำทะเล
ภูเขาหรือสันเขาที่เป็นที่ตั้งของหมู่บ้านจะต้องมีพื้นที่กว้างขวาง
เพียงพอสำหรับเด็ก ๆ
วิ่งเล่นและใช้เป็นที่ชุมนุมของชาวบ้านในพิธีกรรมหรืองานฉลองต่างๆ
ได้ด้วย หมู่บ้านต้องไม่ห่างไกลจากแหล่งน้ำมากนัก
ปกติแหล่งน้ำจะอยู่ในหุบเขาใกล้หมู่บ้าน
อีก้อไม่นิยมต่อรางน้ำเข้าหมู่บ้าน
ทั้งนี้เพราะเชื่อว่าผีน้ำอาจนำอันตรายต่างๆ
มาสู่ชาวบ้านได้
ในการเลือกตั้งหมู่บ้าน
บุคคลสำหรับของหมู่บ้านประกอบไปด้วยหัวหน้าหมู่บ้าน
หัวหน้าพิธีกรรมของหมู่บ้าน ช่างตีเหล็ก
และผู้อาวุโสในหมู่บ้านจะเป็นผู้เลือกสถานที่
เมื่อตกลงใจเลือกสถานที่ได้แล้ว
หัวหน้าพิธีกรรมจะทำการเสี่ยงทายขอที่จากผีเจ้าที่
โดยใช้ไข่ 3 ฟอง โยนลงไปกระทบพื้น
เมื่อไข่แตกก็แสดงว่าสร้างหมู่บ้านได้
ถ้าไข่ไม่แตกทั้ง 3 ฟอง
จะตั้งหมู่บ้านบริเวณนั้นไม่ได้เพราะผีไม่อนุญาตต้องหาที่ตั้งหมู่บ้านใหม่
อีก้อถือว่าภูเขาที่จะตั้งหมู่บ้านควรเป็นภูเขาลูกกลางที่ล้อมรอบด้วยภูเขาสูง
ลักษณะภูเขาเช่นนี้ถือกันว่าจะทำให้ชาวบ้านอยู่กันอย่างร่มเย็นเป็นสุข
เลี้ยงสัตว์ดีพืชผลในไร่อุดมสมบูรณ์
โครงสร้างหมู่บ้านประกอบด้วยสิ่งต่อไปนี้
ประตูหมู่บ้าน
(ลกข่อ)
ประตูนี้เป็นประตูทางเข้าหมู่บ้านทั้งด้านหน้าและด้านหลังเป็นประตูศักดิ์สิทธิ์ของอีก้อ
ใครจะแตะต้องไม่ได้
นอกจากวันทำพิธีสร้างประตูหมู่บ้านใหม่
ซึ่งจะต้องทำขึ้นใหม่ทุก ๆ ปีประมาณเดือนเมษายน
ข้อห้ามเรื่องการแตะต้องประตูนี้จะห้ามทั้งคนนอกเผ่าและคนในเผ่า
ศาลผี (หมิชา
ลอเอ๊อะ) ศาลผีนี้ตั้งอยู่ในป่าใกล้หมู่บ้าน
แต่อยู่นอกเขตประตูหมู่บ้าน ศาลผีสร้างขึ้นเพ่อเป้นที่พำนักของผีป่าที่ผ่านไปมาเพื่อไม่ให้ผีป่าเข้าไปในหมู่บ้าน
ศาลผีนี้
จะต้องมีการเซ่นไหว้ทุกปีในเดือนเมษายนก่อนฤดูปลุกข้าว
ชิงช้า (หละซา
หรือโละซ่า) สร้างขึ้นภายในหมู่บ้าน
เป็นสัญลักษณ์อันศักดิ์สิทธิ์อย่างหนึ่งของหมู่บ้านมีอยู่
2 แบบ คือ แบบระหัดวิดน้ำและกระโจม 4
เสาชิงช้านี้สร้างขึ้นเพื่อเป็นการเฉลิมฉลอง
ในพิธีรำลึกถึงเทพธิดาผู้ประทานความอุดมสมบูรณ์ให้แก่พืชผลในไร่
เมื่อถึงเทศกาลโล้ชิงช้าประจำปี
ซึ่งจะจัดให้มีขึ้นประมาณเดือนสิงหาคม
กันยายน จะมีการสร้างขึ้นใหม่แทนอันเก่าทุก ๆ ปี
ชิงช้านี้นอกจากวันทำพิธีกรรมแล้วจะแตะต้องไม่ได้เช่นเดียวกัน
แหล่งน้ำประจำหมู่บ้าน (หละดู่)
หมู่บ้านอีก้อทุกหมู่บ้านจะมีบ่อน้ำประจำหมู่บ้าน 1
2
บ่ออยู่บริเวณหุบเขาเพื่อใช้บริโภค
ใช้สำหรับพิธีกรรมเลี้ยงผีน้ำและผีพันธุ์ข้าว
โดยเพื่อขอพรผีน้ำให้ประทานความอุดมสมบูรณ์ให้แก่พืชไร่
บ่อน้ำนี้จะมีการทำพิธีเซ่นไหว้ทุก ๆ ปี
ก่อนลงมือปลูกข้าวไร่
ลานสาวกอด (แต๊ะขอ)
ลานสาวกอดเป็นสถานที่พบปะและเกี้ยวพาราสีระหว่างหนุ่มสาว
เพราะตามประเพณีอีก้อหนุ่มสาวจะเกี้ยวพาราสีกันบนบ้านไม่ไผ่
ลานสาวกอดเป็นสัญลักษณ์เฉพาะเผ่าอีก้อเท่านั้น
เป็นสถานที่สำคัญชนรุ่นหลังจะต้องรักษาไว้เพื่อไม่ให้ผีบรรพบุรุษ
ผีเรือน และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายโกรธ
และไม่พอใจต่อการกระทำของหนุ่มสาวในสถานที่อันไม่สมควร
เขตป่าสงวนประจำหมู่บ้าน
ใกล้หมู่บ้านทุกแห่งจะมีป่าไม้และต้นไม้ใหญ่
ซึ่งอีก้อสงวนไว้เป็นที่พักอาศัยของผีป่าและเป็นแหล่งต้นน้ำประจำหมู่บ้าน
ในเขตป่าสงวนห้ามตัดไม้หรือแผ้วป่าเป็นอันขาด
ผู้ใดละเมิดจะถูกปรับด้วยหมู หรือไก่ 1 ตัว เหล้า
1 ขวด เพื่อนำไปขอขมาต่อผีป่า
ป่าช้า (หลอบบุ้ม)
อยู่ใกล้กับหมู่บ้าน
แต่อยู่คนละภูเขากับภูเขาที่ตั้งหมู่บ้านและต้องอยู่ทางตะวันออกของหมู่บ้านเสมอ
ในบริเวณป่าช้า หรือแม้แต่เป็นป่าช้าที่ร้างไปแล้ว
ก็ห้ามตัดไม้แผ้วถางป่า เก็บฟืน และใช้พื้น
ที่ทำการเพาะปลูก ผู้ใดฝ่าฝืนต้องถูกปรับด้วยหมู 1
ตัว
ลักษณะและแบบบ้านอีก้อ
บ้านอีก้อ
โดยทั่วไปมีลักษณะพื้นสูงจากพื้นดินประมาณ 1 เมตร
มีบันได 3 5 ขั้น
อยู่ทั้งด้านหน้าและด้านหลังของตัวบ้าน
บ้านสร้างด้วยไม้ไผ่มีเสาเป็นไม้เนื้อแข็ง
ฝาบ้านทำด้วยฟากไม้ไผ่
หลังคามุงด้วยหญ้าคาที่คลุมยาวลงมาจนเกือบถึงพื้นดิน
ไม่มีหน้าต่าง ภายในบ้านมี 2 ห้องนอน คือ
ห้องนอนฝ่ายชายจะอยู่ใกล้บันไดทางด้านหน้าบ้าน
และชั้นในเป็นห้องนอนฝ่ายหญิง มีเตาไฟ 1
2 เตาอยู่ทั้งห้องนอนฝ่ายชายและห้องนอนฝ่ายหญิง
เตาไฟที่ห้องนอนฝ่ายหญิงมีไว้สำหรับปรุงอาหารและมีเตาไฟขนาดใหญ่สำหรับต้มอาหารเลี้ยงหมู
ส่วนเตาที่อยู่ทางห้องฝ่ายชายมีไว้เพื่อให้ความอบอุ่น
และสำหรับต้มน้ำชาไว้เลี้ยงแขก
เหนือเตาไฟทางห้องฝ่ายหญิงจะมีหิ้งเก็บของ
ที่เสาเอกของบ้านจะมีเป็นหิ้งผีบรรพบุรุษ
ใต้หิ้งผีมีตะกร้าบรรจุเมล็ดพันธุ์ข้าวและพันธุ์ผักสำหรับไว้ปลูกในปีต่อไป
ห้องนอนฝ่ายหญิงห้ามบุคคลภายนอกเข้าไปก่อนได้รับอนุญาต
บ้านอีก้อส่วนมากจะมีรั้วกั้นเป็นสัดส่วนของแต่ละบ้าน
ภายในบริเวณรั้วบ้านมียุ้งข้าวสร้างไว้หน้าบ้าน
ข้างหน้ายุ้งข้าวจะเป็นศาลขวัญข้าว
ด้านหลังบ้านมีครกตำข้าว
ถ้าบ้านไหนมีลูกชายที่แต่งงานแล้วและพ่อยังมีชีวิตอยู่จะมีกระต๊อบเล็ก
ๆ สร้างไว้หลังบ้านใหญ่
เพื่อเป็นที่สำหรับลูกชายและลูกสะไภ้หลับนอนด้วยกัน
เพราะตามประเพณีอีก้อห้ามลูกชายลูกสะไภ้หลับนอนด้วยกันบนบ้านขณะที่บิดาซึ่งเป็นหัวหน้าครอบครัวยังมีชีวิตอยู่
การรวมตัวในลักษณะหมู่บ้าน
ครอบครัวอีก้อเป็นแบบครอบครัวขยาย
คือครอบครัวพ่อแม่และของลูกชายที่แต่งงานแล้วและนำภรรยามาอยู่กับพ่อแม่
ในแต่ละครัวเรือนอาจประกอบด้วย ปู่ ย่า พ่อ แม่
ลูก สะไภ้ และหลาน
ครัวเรือนเป็นศูนย์กลางของการประกอบพิธีกรรม
เศรษฐกิจ และสังคม
เมื่อหัวหน้าครัวเรือนตายลงไปก็จะให้บุตรชายคนโตที่ยังอยู่ในครัวเรือนนั้น
รับผิดชอบเป็นหัวหน้าครัวเรือนสืบแทน
และรับช่วงหิ้งผีบรรพบุรุษด้วย
ในกรณีที่บุตรชายคนโตยังเล็กอยู่ก็ให้ภรรยาของหัวหน้าครัวเรือนที่ตายไปนั้นเป็นหัวหน้าครัวเรือนแทน
อีก้อเป็นพวกที่สิบสกุลทางฝ่ายบิดา
ด้วยเหตุนี้อีก้อจึงเน้นถึงความสำคัญของผู้ชายมาก
ตลอดถึงการ
ที่ต้องมีบุตรชายไว้สิบสกุลด้วย
ผู้ชายอีก้อทุกคนจะต้องรู้เรื่องความเกี่ยวดองของสกุล
ทั้งสกุลของฝ่ายตนและฝ่ายภรรยา
โดยเฉพาะอย่างยิ่งบุตรชายคนโตที่ต้องรับผิดชอบในการรักษาสกุลไว้และถ่ายทอดให้น้อง
ๆ ทราบต่อไป สกุลของอีก้อมีความสำคัญหลายประการ
เช่น
เป็นเครื่องกำหนดข้อห้ามในการแต่งงานคืออีก้อห้ามคนสกุลเดียวกันแต่งงานกัน
เมื่อผู้ใดย้ายเข้ามาอยู่ในหมู่บ้านหใม่จะต้องแสดงสายสกุลของตนไว้หัวหน้าพิธีกรรมของหมู่บ้านทราบ
เพื่อว่าเมื่อตายไปจะได้จัดพิธีศพของเขาให้ถูกร้อง
ตามความเชื่อที่ว่าขวัญของผู้ตายสกุลใดจะต้องไปอยู่ตามที่ของสกุลนั้น
การแต่งงาน
หนุ่มสาวอีก้อมีอิสระในการเกี้ยวพาราสีและการเลือกคู่ครองมาก
การได้เสี่ยกันก่อนแต่งงานไม่ได้เป็นสิ่งที่น่ารังเกียจสำหรับพวกเขา
และการถูกเนื้อต้องตัวถือเป็นเรื่องธรรมดาเป็นที่ยอมรับของสังคมอีก้อ
หญิงสาวจะเริ่มเลือกคู่ครองเมื่ออายุได้ประมาณ 16
17 ปี
ลานสาวกอดเป็นสถานที่เริ่มต้นของความใกล้ชิดกัน
ซึ่งอาจนำไปสู่การแต่งงาน
อีก้อห้ามเกี้ยวพาราสีกันบนบ้านเพราะถือว่าเป็นการไม่เคารพต่อผีบรรพบุรุษอาจถูกสาปแช่งให้ได้รับเคราะห์ร้าย
แม้แต่ต่อหน้าพ่อแม่ก็ไม่ปฏิบัติกัน
เพราะถือว่าเป็นเรื่องไม่สมควร
ในสังคมอีก้อไม่มีการบังคับเรื่องการแต่งงาน
แต่เกิดจากความสมัครรักใคร่ของหนุ่มสาวเอง
เมื่อหนุ่มชอบใจหญิงสาวคนใดก็จะชวนเพื่อน ๆ
ไปที่บ้านหญิงสาวเพื่อสู่ขอหญิงนั้นด้วยตนเอง
โดยการมอบสุรา 1
ขวดให้แก่พ่อแม่ของหญิงสาวเพื่อเป็นการคารวะ
ไม่มีแม่สื่อในการสู่ขอ
เมื่อพ่อแม่ของหญิงสาวยินยอมแล้ว
ฝ่ายชายก็จะกำหนดวันแต่งงานขึ้นอาจจะหลังวันสู่ขอ
3,5,7 หรือ 9 วัน
แต่ต้องไม่เกินกว่านี้หรือจะรับตัวไปในวันสู่ขอ
และจัดพิธีแต่งงานเลยก็ได้
โดยพิธีจะจัดขึ้นที่บ้านฝ่ายชาย
การเลี้ยงดูแขกเป็นหน้าที่ของฝ่ายชายทั้งหมด
ตามปกติในวันแต่งงานญาติของฝ่ายเจ้าสาวจะไม่มาในพิธีแต่งงาน
เมื่อฝ่ายเจ้าบ่าวรับตัวเจ้าสาวมาที่บ้านและจัดพิธีแต่งงานแล้ว
เจ้าสาวก็จะกลายเป็นสมาชิกคนหนึ่งในครอบครัวของเจ้าบ่าว
และมานับถือผีฝ่ายสามี
ในกรณีที่พ่อแม่ของหญิงสาวไม่ยินยอมยกลูกสาวให้
แต่หนุ่มสาวคู่นั้นรักกัน หนุ่มสาวอาจหนีตามกันได้
ซึ่งวิธีนี้นิยมมากในเมียนมาร์และลาว ในการหนีตามกัน
หากญาติของฝ่ายหญิงตามมาเอาตัวคืนและตามทันก่อนที่ฝ่ายชายนำตัวหญิงสาวไปถึงบ้าน
และต้มไข่ 1 ฟอง กินร่วมกัน ญาติฝ่ายหญิง
มีสิทธิ์นำตัวของหญิงสาวกลับไปได้
แต่ถ้าฝ่ายชายนำตัวหญิงสาวไปถึงบ้านและต้มไข่กินร่วมกันก่อนที่ญาติจะไปถึง
ก็ถือว่าเข้าพิธีแต่งงานเรียบร้อยแล้ว
ญาติไม่มีสิทธิ์ที่จะนำหญิงสาวคนนั้นกลับไปได้
การปกครอง
หน่วยการปกครองของอีก้อก็คือหมู่บ้าน
อีก้อไม่ชอบอยู่ภายใต้การปกครองของชนเผ่าอื่น ๆ
หมู่บ้านแต่ละแห่งมีหัวหน้าหมู่บ้าน เป็นผู้ปกครอง
ซึ่งโดยทั่วไปจะมีหัวหน้าหมู่บ้าน 1 คน
เป็นผู้นำเรียกว่า หยื่อมะมีความรับผิดชอบทั้งด้านการปกครองและพิธีกรรมของชุมชน
หัวหน้าหมู่บ้านนี้มีหน้าที่รักษากฎระเบียบของหมู่บ้าน
ทำการปรับไหม
และตัดสินคดีร่วมกับคณะผู้อาวุโสของหมู่บ้านตำแหน่งหัวหน้าหมู่บ้านสืบเชื้อสายมาจากหัวหน้าหมู่บ้านคนก่อน
ๆ เมื่อหัวหน้าหมู่บ้านตายลงไป
บุตรชายโตที่อยู่ในหมู่บ้านจะรับตำแหน่งแทน
หากไม่มีบุตรชายดังกล่าวก็ให้ญาติ
ที่ใกล้ชิดที่สุดรับตำแหน่งแทน
การเป็นหัวหน้าหมู่บ้านโดยการสิบสกุลนี้ในทางปฏิบัติมิได้มีการผูกขาด
หรือถือปฏิบัติเข้มงวดจนถือว่าเปลี่ยนแปลงไม่ได้
ข้อเท็จจริงมีอยู่ว่ากรณีที่หัวหน้าตายลงไป
บุตรชายคนโตที่อยู่ในบ้านจะรับตำแหน่งแทน
หากไม่มีบุตรชายดังกล่าวก็ให้ญาติที่ใกล้ชิดที่สุดรับตำแหน่งแทน
การเป็นหัวหน้าหมู่บ้านโดยการสืบสกุลนี้ในทางปฏิบัติมิได้มีการผูกขาด
หรือถือปฏิบัติเข้มงวดจนถือว่าเปลี่ยนแปลงไม่ได้
ข้อเท็จจริงมีอยู่ว่ากรณี
ที่หัวหน้าตายลงโดยไม่มีทายาทสืบทอดตำแหน่งบุคคลที่ไม่ได้สืบเชื้อสายหัวหน้ามาก่อนอาจได้รับเลือกให้เป็นหัวหน้าหมู่บ้านโดยการเสนอให้ชาวบ้านในหมู่บ้านนั้นรับรองก่อนเพื่อเป็นหัวหน้าต่อไป
นอกจากหัวหน้าหมู่บ้านแล้วก็ยังมีคณะกรรมการหมู่บ้านตามแบบประเพณีซึ่งประกอบด้วยช่างตีเหล็ก
ผู้ช่วยหัวหน้าหมู่บ้าน (ผู้ช่วยเหยื่อมะ) หมอผีและบรรดาผู้อาวุโสชาย
คณะกรรมการหมู่บ้านมีบทบาทมาก ในการตัดสินคดีความ
การจัดพิธีกรรมประจำปี ตลอดจนการย้ายหมู่บ้าน
ปัจจุบันการปกครองท้องถิ่นของทางราชการได้เข้าไปสู่ชุมชนอีก้อ
ซึ่งจะมีผู้ใหญ่บ้านและผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านที่ได้รับแต่งตั้งโดยทางอำเภอ
อย่างไรก็ตาม
การปกครองตามประเพณียังมีความสำคัญเช่นกัน
เศรษฐกิจ
การเกษตรถือเป็นอาชีพหลักของอีก้อ
ในอดีตทำการเกษตรเพื่อยังชีพเท่านั้น
จะขายก็ต่อเมื่อเหลือจากการบริโภคแล้ว
การเกษตรเป็นแบบไร่เลื่อนลอยเปลี่ยนที่ทำการเพาะปลูกไปเรื่อย
เมื่อดินจืดก็จะหาที่เพาะปลูกใหม่
แต่ในปัจจุบันนี้อีก้อเปลี่ยนจากการทำไร่เลื่อนลอยมาเป็นการทำไร่แบบหมุนเวียนมากขึ้น
ทั้งนี้เพราะพื้นที่ทำการเพาะปลูกมีน้อย
ประชากรเพิ่มขึ้น แต่ที่ดินมีอยู่อย่างจำกัด
ครอบครัวหนึ่ง ๆ อาจจะมีที่ดินในครอบครองประมาณ 2
3
แปลงเพื่อหมุนเวียนในการปลูกข้าวไร่
นอกจากการปลูกข้าวไร่แล้วอาชีพรองลงมาก็คือการเลี้ยงสัตว์
รับจ้างและหาของป่าขาย ในฤดูแล้ง
อีก้อนำต้นอ้อไม้กวาดมาขายให้แก่คนพื้นราบ
ซึ่งปีหนึ่ง ๆทำรายได้ให้แก่พวกเขาเป็นจำนวนไม่น้อย
อีก้อมีนิสัยขยันขันแข็งในการทำงาน หนักเอาเบาสู้
สังคมเปลี่ยนแปลงทำให้คนที่อยู่ในวัยหนุ่มสาวออกจากบ้านไปทำงานรับจ้างอยู่ในเมืองหรือรับจ้างคนไทยทำการเกษตรกันมาก
โดยทั่วไป มีฐานะพอมีพอกิน ผู้ทียากจนจริงๆ
มักจะเป็นพวกติดยาเสพติด
หรือเป็นคนพิการหรือติดเชื้อเอดส์
ความเชื่อ
พิธีกรรม
เนื่องจากอีก้อมีความเชื่อถือผี
และสิ่งเร้นลับในธรรมชาติ
จึงต้องคอยระมัดระวังไม่ให้เกิดการกระทบกระเทือนต่อสิ่งดังกล่าว
ดังนั้นก่อนทำสิ่งใดอีก้อจะตรวจดูโชคลางเสียงก่อน
บางทีก็มีการเสี่ยงทาย บางทีก็ถือเอาปรากฏการณ์ต่าง ๆ
ที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติว่าเป็นการบอกลางดีลางร้าย
อีก้อนับถือผีและผีบรรพบุรุษซึ่งถือว่าเป็นผีที่ดีที่สุด
ทุกครัวเรือนจะมีหิ้งผีบรรพบุรุษไว้เซ่นไหว้ปีละ 9
ครั้ง
รองลงมาได้แก่ผีใหญ่ซึ่งถือว่าเป็นหัวหน้าผีทั้งปวง
และเป็นตนเดียวที่อยู่บนสวรรค์มีหน้าที่ดูแลความทุกข์สุข
ให้แก่อีก้อ
พิธีกรรมของชุมชนมีอยู่ด้วยกัน 9 พิธีคือ
1. พิธีขึ้นปีใหม่
จัดขึ้นในเดือนธันวาคมใช้เวลา 4 วัน
2. พิธีทุ่มมี้
เป็นพิธีเกี่ยวกับการเกษตรมีในราวปลายเดือนเมษายนก่อนลงมือทำไร่
3.
พิธีทำประตูหมู่บ้าน ทำประตูหมู่บ้านทุก ๆ
ปีเพื่อระลึกถึง สุมิโอ
บรรพบุรุษของอีก้อมีขึ้นราวกลาง
เดือนเมษายนใช้เวลา 2 วันร
4.
พิธียะอุผิ
เป็นพิธีบวงสรวงผีใหญ่จัดขึ้นราว ๆ
ปลายเดือนเมษายนใช้เวลา 3 วัน
5. พิธีเลี้ยงผีบ่อน้ำ
เป็นพิธีเซ่นบวงสรวงบ่อน้ำประจำหมู่บ้านเพื่อความอุดมสมบูรณ์ของพืชไร่จัดให้มีขึ้นในเดือนเมษายนก่อนลงมือทำไร่
6. พิธีโล้ชิงช้า
พิธีนี้จัดขึ้นเพื่อระลึกถึงเทพธิดาผู้ประทานความอุดมสมบูรณ์ให้แก่พืชผลที่กำลังงอกงามใน
ไร่จัดให้มีขึ้นราวเดือนสิงหาคม กันยายน
7. พิธีกินข้าวใหม่
จัดขึ้นเพื่อฉลองรวงข้าวสุกและขอบคุณต่อผีไร่
จัดขึ้นราวเดือนตุลาคม
8. พิธีส่งผีเมื่อสิ้นฤดูฝนของทุก
ๆ ปี ราว ๆ ปลายเดือนตุลาคม เมื่อว่างจากงานในไร่
จะทำพิธีไล่ผีออกจากหมู่บ้าน
ผีเหล่านี้อาจจะมากับน้ำฝนเมื่อสิ้นฤดูฝนแล้วจะถูกขับไล่ออกไปจากหมู่บ้านพร้อม
ๆ กับฤดูฝนที่กำลังจะหมดไป
9. พิธีเลี้ยงผีบรรพบุรุษ
แม้ว่าจะมีการเลี้ยงผีบรรพบุรุษทุกครั้งที่มีการเลี้ยงผีอย่างอื่นแล้วก็ตาม
แต่ยังมีพิธีกรรมเลี้ยงผีบรรพบุรุษอีกครั้งหนึ่งหลังจากปีใหม่
ซึ่งจะมีขึ้นราว ๆ ต้นเดือนมกราคมของทุกๆปี
พิธีกรรมต่าง ๆ ที่กล่าวมานี้
อีก้อยังคงถือปฏิบัติอย่างเคร่งครัดมาจนถึงปัจจุบัน