รวมข้อมูลทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับศูนย์พัฒนาและสงเคราะห์ชาวเขาจังหวัดแม่ฮ่องสอน
 

 

 

                     
 

 

     

        

ประวัติความเป็นมา

            ประมาณ 1,300 ปีมาแล้ว  ก่อนที่พวกมอญจะนำความเจริญรุ่งเรืองมาสู่เขตลุ่มน้ำปิง  บรรพบุรุษ
ของละว้า ได้ตั้งถิ่นฐานอยู่แล้ว  ละว้าหรือที่คนไทยภาคเหนือเรียกว่า
“ลัวะ”  นั้น  เป็นกลุ่มชนออสโตรนีเซียน
และเรียกตัวเองว่า
“ละเวียะ”  ถิ่นกำเนิดที่แท้จริงยังไม่ทราบแน่ชัด  แต่เป็นที่เชื่อกันว่าอพยพมาจากทางตอนใต้ของไทย  มลายา  หรือ เขมร  เมื่อประมาณ 2,000  ปีมาแล้ว  บางคนเชื่อว่า พวกลัวะ  เป็นเชื้อสายเดียวกับพวกว้าที่อยู่ทางภาคเหนือของเมียนมาร์และตอนใต้ของมณฑลยูนนานในประเทศจีน  เพราะมีความคล้ายคลึงกันทางด้านภาษา  ลักษณะรูปร่างและการแต่งกาย

                พวกลัวะได้เข้ามาตั้งถิ่นฐานอยู่ในเขตเมืองเชียงใหม่  เมื่อประมาณ 900 ปีมาแล้ว  พวกมอญจากลพบุรีซึ่งเป็นผู้สร้างเมืองลำพูนและลำปาง  ได้รุกรานพวกลัวะจนต้องหนีไปอยู่บนภูเขากลายเป็นชาวเขาไป  ต่อมาในพุทธศตวรรษที่ 18  ชนชาติไทยได้อพยพเข้าสู่ดินแดนแถบนี้  และตีพวกมอบแตกพ่ายไปและมีสัมพันธไมตรีกับพวกลัวะ

                พวกลัวะเองก็เชื่อว่า บรรพบุรุษของเขาเคยอาศายอยู่ในเชียงใหม่  และเป็นผู้สร้างวัดเจดีย์หลวงก่อนที่ไทยจะเข้าสู่ดินแดนแถบนี้  ลัวะมีกษัตริย์ของตนเอง และองค์สุดท้ายคือขุนหลวงวิลังก๊ะ  ซึ่งถูกพระนางจามเทวี กษัตริย์มอบแห่งนครหริกุญชัย (ลำพูน) ตีแตกพ่ายไปอยู่บนป่าเขา

                มีลัวะบางส่วนที่อาศัยอยู่พื้นราบ  แต่พวกนี้รับวัฒนธรรมขนบธรรมเนียมประเพณีต่าง ๆ จากคนไทยจนสูญเสียเอกลักษณ์ของตัวเองไปเกือบหมดแล้ว

 

ภาษา

                ภาษาของลัวะจัดอยู่ในตระกูลภาษาออสโตร-เอเซียนติด  และได้รับอิทธิพลจากภาษาของพวกมอญ – เขมรด้วย  ภาษาของลัวะมีแตกต่างกันหลายกลุ่ม   แต่แบ่งเป็นกลุ่มใหญ่ ๆ ได้  2 กลุ่ม  คือกลุ่ม วาวู  ใช้พูดกัน
ในหมู่ลัวะ  เขตลุ่มน้ำปิง  เช่น บ้านบ่อหลวง  อีกกลุ่มหนึ่งคือ  กลุ่มอังกา  ใช้พูดกันในเขตตะวันตก  เขต อำเภอแม่สะเรียง  จังหวัดแม่ฮ่องสอน  ความแตกต่างกันของภาษานี้  จะต่างกันไปตามหมู่บ้านที่อยู่ห่างกัน  แต่สามารถเข้าใจกันได้  นอกจากนี้ยังนำคำในภาษาไทยพื้นเมืองทางเหนือไปใช้เป็นจำนวนมาก  ทั้งยังสามารถพูดภาษาไทยได้ด้วย

ประชากร

                ประชากรลัวะในประเทศมี 65  หมู่บ้าน  4,178  หลังคาเรือน  ประชากร 21,794  คน  คิดเป็นร้อยละ 2.38 ของประชากรชาวเขาทั้งหมดในประเทศไทย  โดยกระจายตัวกันอยู่ตามจังหวัดต่าง ๆ 6 จังหวัด คือ เชียงใหม่  แม่ฮ่องสอน  อุทัยธานี  สุพรรณบุรี  เชียงราย  และลำปาง

การตั้งถิ่นฐาน

                หมู่บ้านลัวะปัจจุบันส่วนมากยังอยู่ในเขตภูเขาที่ห่างไกลจากชาชนคนไทยหมู่บ้าน หนึ่ง ๆ จะประกอบ
ด้วยครัวเรือนประมาณ 20
– 100 หลังคาเรือน  โดยสร้างบ้านเรียงรายอยู่ตามแนวสันเขา  ลักษณะบ้านยกพื้นสูงคล้ายบ้านกะเหรี่ยง  แต่ลักษณะหลังคาจะมีกาแลเป็นสลักไขว้กันสองอันเป็นหน้าจั่ว  หลังคาบ้านซึ่งมุงด้วยหญ้าคาหรือตองตึง  จะสูงชันคลุมลงเกือบจรดพื้นดิน  รอบ ๆ หมู่บ้านจะเป็นพื้นที่สำหรับเพาะปลูก  และระหว่างพื้นที่ทำไร่
กับหมู่บ้านจะมีแนวป่าซึ่งเป็นป่าแก่สงวนไว้สำหรับเป็นแนวกันไฟเวลาเผาไร่ของหมู่บ้าน

ลักษณะทางสังคม

                ลัวะมีระบบการแต่งงานแบบผัวเดียวเมียเดียว โดยฝ่ายหญิงจะเข้าไปอยู่ฝ่ายชายและนับถือผีบรรพบุรุษฝ่ายชาย  บุตรที่เกิดมาอยู่ในสวยเครือญาติของฝ่ายพ่อในครัวเรือนหนึ่ง ๆ โดยทั่วไปประกอบด้วยสามี  ภรรยา บุตร  บุตรชายคนโตต้องไปสร้างใหม่เมื่อแต่งงาน  บุตรชายคนสุดท้ายจะต้องเป็นผู้ที่ได้รับมรดกและเลี้ยงดูพ่อแม่ตลอดชีวิต

                หน้าที่ในครัวเรือนจะแบ่งออกตามอายุ  และเพศ  กล่าวคือ  ผู้หญิงมีหน้าที่รับผิดชอบหาฟืน  ตักน้ำ 
ตำข้าว  ทำอาหาร  และทอผ้า  ผู้ชายมีหน้าที่ซ่อมแซมบ้าน  ทำรั้ว  ไถนา  และล่าสัตว์  วนงานในไร่เป็นหน้าที่ของทั้งสองฝ่าย  ต้องช่วยกันทำ  รวมทั้งสมาชิกวัยแรงงานทุกคนในครอบครัวด้วย  งานด้านพิธีกรรมถือเป็นหน้าที่รับผิดชอบของผู้ชายเกือบทั้งหมด

การปกครอง

                สังคมลัวะ  ไม่มีตำแหน่งเฉพาะทางการปกครอง  ไม่มีการตั้งบุคคลใดบุคคลหนึ่งขึ้นเพื่อรักษาความสงบเรียบร้อย  ตัดสินกรณีพิพาก  และรักษากฎระเบียบของหมู่บ้านโดยตรง  แต่ให้ความเคารพเชื่อถือหัวหน้าทางความเชื่อถือของหมู่บ้านที่เรียก “สมัง”  ให้เป็นผู้มีหน้าที่กระทำพิธีการต่าง ๆ ในนามของหมู่บ้าน  ตั้งแต่การเลือกที่ดิน
ทำไร่ของหมู่บ้านว่าดีหรือไม่ก่อนที่จะตกลงตัดไม้  การตัดสินกรณีแก่งแย่งที่ดิน ฯลฯ  โดยพิธีเหล่านี้สมัง  จะทำร่วมกับ
“ลำ”  หรือผู้นำทางด้านพิธีกรรมของแต่ละกลุ่มในหมู่บ้าน  นอกจากนั้นก็มีผู้ช่วย ลำ  ซึ่งเป็นผู้ที่อายุมากในกลุ่มรองจาก ลำ  เมื่อลำ  คนเดิมเสียชีวิตลง  ผู้ช่วยก็จะเป็นผู้ได้รับตำแหน่ง ลำ คนต่อไป

เศรษฐกิจ

                ลัวะมีเศรษฐกิจแบบยังชีพ  ขึ้นอยู่กับการทำไร่เลื่อนลอยแบบหมุนเวียนโดยจะปลูกข้าวเจ้าเป็นพืชหลัก  ลัวะนิยมบริโภคข้าวเจ้ามากกว่าข้าวเหนียว  และนิยมดื่มเหล้าที่ทำจากข้าวเจ้าอีกด้วย  พืชอื่น ๆ ที่ปลูกแซมในไร่ข้าวสำหรับไว้เป็นอาหารและใช้สอยได้แก่  ข้าวโพด  ถั่ว  แตงกวา  พริก  ฝ้าย  ผักต่าง ๆ

                ส่วนสัตว์เลี้ยงได้แก่  วัว  ควาย  หมู  ไก่  สุนัข  เป็นต้น  ซึ่งสัตว์เลี้ยงเหล่านี้บางชนิดก็ฆ่าสำหรับใช้เลี้ยงผี  ผลิตผลทางเศรษฐกิจของลัวะ  มีประมาณเพียงพอสำหรับบริโภคและขายในหมู่บ้านใกล้เคียงได้บ้าง  เศรษฐกิจ
มีลักษณะพอมีพอกินเลี้ยงตนเองได้ไม่เดือดร้อน

                มาตรฐานการครองชีพของลัวะ  อยู่ในระดับปานกลาง  ในอดีตปลูกข้าวเป็นรายได้  เช่น ปลูกท้อ  เสาวรส  ผักกาด กล่ำปลี  มะเขือเทศ  ถั่วแดง  ถั่วลันเตา  ทำให้มีฐานะทางเศรษฐกิจดีขึ้นกว่าเดิม  บ้านที่เคยมุ่ง
หลังคาด้วยหญ้าคาหรือใบตองตึง ปัจจุบันเปลี่ยนมาเป็นมุงด้วยกระเบื้องหรือสังกะสีกันมากแล้ว  ส่วนสัตว์เลี้ยงก็ยังคงเลี้ยงไว้เพื่อใช้ในพิธีกรรมโดยการฆ่าแล้วนำไปเซ่นไหว้ผี  เช่น  พิธีด้านการเกษตร  พิธีแต่งงาน พิธีไหว้ผีต่าง ๆ
เป็นต้น  ดังนั้นจึงทำให้ลัวะไม่มีสัตว์เลี้ยงเหลือสำหรับขาย